วันอาทิตย์ที่ 22 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

ท้องฟ้ายามค่ำคืน

            มนุษย์ให้ความสนใจท้องฟ้าในยามค่ำคืนมาช้านานแล้ว จึงได้ศึกษาค้นคว้าเกี่ยวกับดวงดาวบนท้องฟ้าเพื่อให้ทราบที่มาของดวงดาวต่างๆ ทั้งศึกษาด้วยตาเปล่าและใช้กล้องโทรทรรศน์ เมื่อความรู้ทางด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีพัฒนาขึ้น มนุษย์จึงใช้ดาวเทียม ยานอวกาศ จรวด และยานขนส่งอวกาศในการศึกษา ทำให้ทราบข้อมูลเกี่ยวกับดวงดาวและปรากฏการณ์บนท้องฟ้ามากยิ่งขึ้น เรื่องที่มนุษย์ศึกษานั้นเกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงของวัตถุบนท้องฟ้า และศึกษาถึงอิทธิพลของวัตถุในท้องฟ้าที่มีผลต่อโลก เช่น การเกิดฤดูกาล น้ำขึ้นน้ำลง
            วิชาที่ศึกษาเกี่ยวกับดวงดาวและปรากฏการณ์ต่างๆ ของวัตถุในท้องฟ้า เรียกว่า วิชาดาราศาสตร์ (Astrology) นักวิทยาศาสตร์ที่ศึกษาวิชานี้ เรียกว่า นักดาราศาสตร์ ในประเทศไทยมีสมาคมดาราศาสตร์ไทยที่ให้ข้อมูลและศึกษาเกี่ยวกับดวงดาว รวมทั้งปรากฏการณ์ต่างๆ บนท้องฟ้า

วัตถุในท้องฟ้ามีอะไรบ้าง

            เอกภพหรือจักรวาล (universe) เป็นระบบดวงดาวต่างๆ ที่ปรากฏบนท้องฟ้าและอวกาศ วัตถุในท้องฟ้าประกอบด้วยกลุ่มดวงดาวรวมอยู่ประมาณ 1 แสนล้านดาราจักรหรือกาแล็กซี (galaxy)
            ดาราจักรหรือกาแล็กซี คือ กลุ่มดาวบนท้องฟ้าที่ประกอบด้วยดาวฤกษ์ ดาวเคราะห์ ดาวบริวารของดาวเคราะห์ อุกกาบาต ดาวหาง รวมทั้งฝุ่นละอองและแก๊สต่างๆ ในอวกาศ กาแล็กซีมีหลายกาแล็กซี ซึ่งจะมีขนาดและรูปร่างแตกต่างกันไป กาแล็กซีที่โลกเราอยู่เรียกว่า " กาแล็กซีทางช้างเผือก (Milky Way galaxy)" ซึ่งจะมีรูปร่างแบบกังหันหรือแบบก้นหอย โดยมีระบบสุริยะอยู่บริเวณส่วนปลายของกังหัน ประกอบด้วยดาวฤกษ์เป็นส่วนใหญ่ ซึ่งบางแห่งจะอยู่รวมเป็นกระจุก เช่น กลุ่มดาวลูกไก่ นักดาราศาสตร์ได้ประมาณการว่ามีกาแล็กซีอยู่ประมาณ 1 แสนล้านกาแล็กซีกระจายอยู่ในเอกภพ กาแล็กซีอื่นที่อยู่ใกล้กับกาแล็กซีทางช้างเผือกและมีรูปร่างแบบกังหัน ได้แก่ กาแล็กซีแอนโดรเมดา (Andromeda galaxy) ส่วนกาแล็กซีที่มีรูปร่างไม่แน่นอนที่อยู่ใกล้กาแล็กซีทางช้างเผือก ได้แก่ กาแล็กซีแมกเจนแลนใหญ่ (Magellanic galaxy) อยู่ห่างกันประมาณ 160,000 ปีแสง
รูปแสดงลักษณะของกาแล็กซีทางช้างเผือก
หมายเหตุ 
            - การวัดระยะห่างของดวงดาวใช้หน่วยเป็นปีแสง
            - 1 ปีแสง หมายถึง ระยะทางที่แสงเดินทางเป็นเวลา 1 ปี เท่ากับ 9.5 ล้านล้านกิโลเมตร
            - โดยเฉลี่ยระยะห่างระหว่างดาวฤกษ์แต่ละดวงประมาณ 4 ปีแสง
            เนบิวลา (nebula) เป็นกลุ่มแก๊สและฝุ่นละอองที่อยู่รวมกันค่อนข้างหนาแน่นในอวกาศ และไม่มีแสงสว่างในตัวเอง เนบิวลาแบ่งได้เป็น 2 แบบ คือ
            1. เนบิวลาสว่าง สว่างเพราะได้รับแสงจากดาวฤกษ์ที่อยู่ใกล้ มี 2 ลักษณะ คือ
                 - เนบิวลาสว่างจากการเรืองแสง เช่น เนบิวลาในกลุ่มดาวนายพราน เนบิวลารูปวงแหวนในกลุ่มดาวพิณ เนบิวลารูปปูในกลุ่มดาววัว เป็นต้น
                 - เนบิวลาสว่างจากการสะท้อนของแสง เช่น เนบิวลาในกระจุกดาวลูกไก่
            2. เนบิวลามืด เกิดจากการที่แก๊สและฝุ่นละอองในเนบิวลานั้นดูดแสงสว่างจากดาวฤกษ์เอาไว้ เช่น เนบิวลารูปหัวม้า

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น